แปลกแต่จริง! บางสิ่งที่แสนธรรมดาแต่ถูกตีค่าเป็นการพนันในเมืองไทย

วัฒนธรรมคือสิ่งที่หล่อหลอมขึ้นมาโดยวิถีชีวิต ความเชื่อ และกฏเกณฑ์ของสังคมนั้น ๆ สังคมมนุษย์ในแต่ละพื้นที่จึงมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไปส่งผลให้แต่ละสังคมมีความเห็นที่ไม่ตรงกันอยู่เสมอ ในเมืองไทยเราเองก็มีบางสิ่งที่แตกต่างจากชาวโลก โดยเฉพาะเส้นแบ่งของศีลธรรม ซึ่งนั่นก็ทำให้เราตีความวัฒนธรรมต่างชาติบางอย่างไปในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่พอจะเห็นได้ชัดก็คือการพนัน การพนันถูกจำกัดความไว้ว่าคือการนำเงินไปแลกเปลี่ยนโดยหวังสิ่งล่อใจที่มีมูลค่าสูงกว่าต้นทุน แบบนั้นเข้าข่ายการพนันทั้งสิ้น นั่นจึงทำให้สิ่งที่แสนจะธรรมดาเหล่านี้ถูกตีค่าว่าเป็นการพนันไปแบบงง ๆ

ตู้สุ่มกาชาปอง เมื่อประมาณต้นปีหลายคนคงได้ทราบข่าวเกี่ยวกับการบุกยึดตู้สุ่มไข่กาชาปองในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลกับผู้สื่อข่าวว่าตู้เสี่ยงโชคที่นำเข้าจากญี่ปุ่นเหล่านี้เข้าข่ายการพนัน ซึ่งนั่นทำเอาหลายคนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกว่าตู้สุ่มของเล่นสำหรับเด็ก ๆ เข้าข่ายการพนันได้อย่างไร? และวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่กันยกใหญ่ แท้จริงเรื่องนี้มีเหตุผลอยู่ว่าตู้ที่ถูกยึดเหล่านั้นเป็นตู้ไข่แบบพรีเมี่ยมที่ต้องใช้เหรียญหยอดหลายร้อยบาทถึงจะหมุนได้ ของรางวัลถ้าไม่นับจำพวกแรร์ถือว่าต่ำกว่าเงินทุนทั้งสิ้นจึงเข้าข่ายการพนันและมอมเมาเยาวชน ส่วนตู้ธรรมดา ๆ ที่หยอดเหรียญไม่กี่สิบบาทถือว่าไม่ผิดเพราะมูลค่าของเล่นใกล้เคียงกับเงินทุนนั่นเอง

ของเล่นแถมขนม ของเล่นแถมขนมแบบยุค 90 เองก็ถูกตีค่าเป็นการพนันอีกเช่นกัน นั่นจึงทำให้ปัจจุบันนี้ขนมขบเคี้ยวยี่ห้อใดที่จะแถมของเล่นจะต้องสำแดงของแถมชิ้นนั้น ๆ บนแพ็คเกจผลิตภัณฑ์ ถึงแม้จะดูแฟร์ขึ้นแต่ว่าก็ว่าเถอะมันทำให้หมดสนุก หมดลุ้น หมดความอยากสะสมไปจริง ๆ และทำให้เด็ก ๆ ยุคนี้ขาดหายจินตนาการไปด้วยเลย

ตู้คีบตุ๊กตา ตู้คีบตุ๊กตาเองก็โดนหางเลขเข้าจังเบอร์ และการบุกจับตู้ลักษณะนี้ของเจ้าหน้าที่ในจังหวัดหนึ่งเมื่อช่วงกลางปีก็กลายเป็นไวรัลบนโลกอินเทอร์เน็ตอยู่หนึ่งเดือนเต็ม ๆ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบว่าตู้คีบตุ๊กตานั้นเข้าข่ายการพนันอย่างไร และนอกจากไวรัลที่เราเห็นก็ยังไม่พบการยึดตู้คีบตุ๊กตาปรากฏในหน้าสื่ออีกเลย ทุกห้างสรรพสินค้ายังคงมีตู้คีบตุ๊กตาให้บริการตามปกติ เหลือไว้เพียงความสงสัยของชาวบ้านว่าตกลงตู้คีบตุ๊กตาผิดหรือไม่ผิดกฎหมายอย่างไร จนหันไปเล่นตู้สล็อตบน VWIN แทน และสบายใจมากกว่า

SMS ลุ้นรางวัล หลายคนคงจำได้ดีว่าเมื่อเกือบสิบปีที่แล้วหนึ่งในการสื่อสารสำคัญก็คือข้อความ SMS ข้อความลักษณะนี้ถูกใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นในรายการโทรทัศน์ แต่ข้อเสียก็คือเทคโนโลยีนี้ไม่ฟรีแถมแพงกว่าเดิมหากส่งไปยังหมายเลขพิเศษ นักธุรกิจหัวใสจึงตักตวงประโยชน์ตรงนี้อยู่หลายปีโดยเฉพาะการล่อใจด้วยการให้ประชาชนส่ง SMS เข้ารายการเพื่อลุ้นของรางวัล สุดท้ายโมเดลนี้มีการแอบแฝงสารพัดสร้างความเสียหายแก่ประชาชนรวมแล้วมูลค่าหลายล้านบาทจนภาครัฐต้องออกกฎหมายให้ธุรกิจนี้เข้าข่ายเป็นการพนันรูปแบบหนึ่ง

หลายอย่างที่เราดูแล้วแสนธรรมดาจริง ๆ ก็อาจแฝงภัยร้ายแบบที่เราเองก็คาดไม่ถึง ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยว่าบางอย่างที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐป้องปรามนั้นถูกต้องแล้ว เพราะหากไม่ป้องกันสิ่งนั้นอาจจะส่งผลร้ายต่อประชาชนและสังคมมากเกินคาดคิด แต่บางสิ่งก็ต้องยอมรับว่าเราอาจตีความผิดไปไกล ควรต้องศึกษาหาผลกระทบและตีความกันใหม่ เพราะไม่จำเป็นว่าทุกอย่างต้องขาวสะอาดร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอไป บางโอกาสให้วัฒนธรรมและวิจารณญาณของผู้คนทำหน้าที่ของตัวเองอาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดก็ได้